Trading System => Trading System => Topic started by: dataxdata on มีนาคม 12, 2013, 01:27:27 pm
-
รายละเอียดของระบบเทรดที่ผมคิดขึ้นมานะครับ ผมใช้ Indicator 3 ตัวประกอบด้วย
- MACD (12,26,9) : ใช้สำหรับดูแนวโน้มของกราฟ (เทรนด์ขึ้น/ลง)
- Stoch (5,3,3) : ใช้ดูทิศทางของราคาในปัจจุบัน (ราคาวิ่งขึ้น/ลง)
- RSI (14) : ใช้ดู cycle ของกราฟ (ช่วงขาขึ้น/ลง) และความแรงของราคา
นอกจากนั้นผมใช้ Trendline เป็นตัวช่วยพิจารณาหาแนวรับ/ต้านด้วยครับ
วิธีการเข้าเทรดของผมนะครับ ผมเริ่มจาก timeframe M1 เป็นตัวตั้งต้นเพื่อเปิด order แรกและค่าที่ได้จาก timeframe M5 เป็นตัวแก้ทาง
1. เริ่มโดยดู MACD (M5) ว่าค่าปัจจุบัน > 0 ถือว่าอยู่ช่วงขาขึ้น และถ้า < 0 ผมถือว่าอยู่ช่วงขาลง สาเหตุที่ดู MACD ใน M5 เพราะผมคิดว่า timeframe ยิ่งใหญ่ ยิ่งมองเห็น trend ได้ชัด (ข้อนี้อาจจะไม่ต้องสนใจถ้าคุณเล่นเทรดแบบสั้นๆกินกำไรนิดหน่อย
2. หลังจากเห็นเทรนด์คร่าวๆแล้วให้ดู RSI ประกอบว่าขณะนี้ราคาวิ่งอยู่ช่วงไหน เช่น
- ถ้า MACD < 0 และ RSI > 70 ผมเตรียม short เพราะคาดว่าราคาอยู่ช่วงขาลงโดยราคาอยู่ในโซน over bought แนวโน้มว่าราคาจะลงค่อนข้างสูง
- ถ้า MACD > 0 และ RSI < 30 ผมเตรียม long เพราะคาดว่าราคาอยู่ช่วงขาขึ้นโดยราคาอยู่ในโซน over sold แนวโน้มว่าราคาจะขึ้นค่อนข้างสูง
3. ดู stoch เพื่อดูว่าราคาที่วิ่งอยู่เป็นช่วงที่วิ่งขึ้น/ลง หรือเป็นช่วงที่อยู่ระหว่างย่อ เช่น
- จากข้อ 2 ผมตัดสินใจเตรียม short ประกอบกับ Stoch มีค่า > 80 ผมอ่านว่าราคาเตรียมลงเนื่องจากทั้ง RSI และ Stoch อยู่ในโซน over bought ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีที่ราคาจะวิ่งลงอย่าเห็นได้ชัด ดังนั้นผมเปิด short
- จากข้อ 2 ถ้าผมตัดสินในเตรียม long ประกอบกับ Stoch มีค่า < 20 ผมอ่านว่าราคาเตรียมขึ้นเนื่องจากทั้ง RSI และ Stoch อยู่ในโซน over sold ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีที่ราคาจะวิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดั้งนั้นผมเปิด long
- สำหรับกรณีที่ RSI และ Stoch วิ่งสวนทางกันผมจะไม่เข้าเทรดเนื่องจากทิศทางของราคาไม่ชัดเจนพอ
4. อาจตี trendline เพื่อดูแนวรับ/ต้าน ประกอบว่าจุดที่จะเปิด long/short เหมาะสมหรือไม่ก็ได้
5. ในกรณีที่เปิด long ไว้แต่ราคายังวิ่งลงไม่หยุด ผมจะเข้าไปใน timeframe m5 เพื่อแก้ทางโดยใช้เงื่อนไขการเปิดตั๋วเดียวกับใน M1
6. ในกรณีที่เปิด short ไว้แต่ราคายังวิ่งขึ้นไม่หยุด ผมจะเข้าไปใน timeframe m5 เพื่อแก้ทางโดยใช้เงื่อนไขการเปิดตั๋วเดียวกับใน m1
7. lots ที่เปิดผมไล่ตามจำนวนตั๋วที่เปิดอยู่นะครับโดยเริ่มจาก lots เล็กที่สุด และเพิ่ม lots ตามจำนวนตั๋วที่เปิด เช่น เปิดตั๋วแรก lots = 0.01 แก้ทางครั้งที่ 1 ให้ lots= 0.02 แก้ทางครั้งที่ 2 ให้ lots = 0.03 ........
วิธีการปิดตั๋วของผม ผมเริ่มจาก timeframe M1 เป็นตัวตั้งต้นเหมือนกัน ส่วนใน timeframe M5 เป็นตัวเลือกรอง
1. ถ้าเปิด short ผมจะรอให้ RSI จาก > 70 วิ่งไปจนกระทั่ง RSI < 30 และ Stoch จาก > 80 วิ่งไปจนกระทั่ง < 20
2. ถ้าเปิด long ผมจะรอให้ RSI จาก < 30 วิ่งไปจนกระทั่ง RSI > 70 และ Stoch จาก < 20 วิ่งไปจนกระทั่ง > 80
3. ถ้า order ใน M1 ไม่ได้กำไร ผมจะรอโดยไปดูใน M5 โดยใช้หลักการเดียวกัน ซึ่งถ้า M5 ตรงเงื่อนไข 2 ข้อบนแล้วยังไม่ได้กำไร ผมจะปิด order โดยยอมตัดขาดทุนไป
จากวิธีการเทรดด้านบนที่กล่าวมานะคับ ผมลองเอาไปเทรดกับ broker: exness ด้วยบัญชี mini ด้วย lots เริ่มต้นที่ 0.01 สิ่งที่ผมพบ/สังเกตเห็นในปัจจุบันคือ
1. ใชเทรดกับ 3 คู่เงินคือ GBPUSDm, EURJPYm, GBPJPYm (หลังๆเพิ่มมรอีกประมาณ 2 คู่เงิน) มาประมาณเกือบ 1 เดือน จาก $1,000 (demo) ปัจจุบันมีเงิน $1,987 (demo) ตามลิงค์ด้านล่างนี้ครับ
https://www.myfxbook.com/portfolio/atap-demo/510603
2. ตั๋วใช้เวลาประมาณ ครึ่งวัน-1 วันเพื่อปิดทำกำไร (โดยไม่แก้ทาง) และใช้ประมาณ 1-3 วันเพื่อปิดตั๋วในกรณีมีการแก้ทาง
3. กราฟวิ่ง side way จะได้กำไรเร็วแต่ไม่มาก (ไม่เกินหลักสิบต่อตั๋ว) / กราฟวิ่ง trend จะได้กำไรมากแต่เปิดตั๋วแก้ทางเยอะและใช้เวลานานกว่าจะปิดได้หมด (ปิดครบทุกตั๋วหรือเกือบครบยังได้กำไรหลักร้อย)
4. กรณีตัดขาดทุนจะมี drawdown หลักร้อย max drawdown ที่พบล่าสุดน่าจะประมาณ 500 เหรียญ
จากข้อมูลทั้งหมด อยากขอคำแนะนำ / วิจารณ์ / แชร์ประสบการณ์ ว่าการเทรดที่ผมทำอยู่นี้มีช่องโหว่ หรือจุดที่ควรแก้ไขเพิ่มเติมตรงไหนบ้างครับ อยากนำไปปรับปรุงระบบเทรดให้ดีขึ้นครับ (ปัจจุบันเริ่มเขียนเป็น ea แล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ดีเลยอยากได้คำแนะนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้นครับ)
-
ระบบเทรดนี้เกิดจากความคิดของผมที่ว่า
1. กราฟวิ่งเป็น cycle ขาขึ้น > ขาลง > ขาขึ้น > ขาลง สลับกันไปเรื่อยๆ
2. แต่ละ cycle ใช้เวลาสั้นยาวไม่เท่ากัน แต่สุดท้ายยังไงก็ต้องเปลี่ยน cycle (ไม่มีทางวิ่งขึ้น / ลงทางใดทางหนึ่งได้ตลอด)
3. ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ max profit ในแต่ละ cycle
4. ระบบเทรดนี้จะไม่โดนล้างพอร์ตถ้ามี money management ที่ดีพอ
ปล. ที่จริงได้เอาไปเขียน ea และลอง backtest ดูแล้วก็ได้กำไรในระดับหนึ่งแต่ข้อมูลที่ใช้ทำ backtest มีแค่ 1-3 เดือนซื่งยังไม่สามารถวัดประสิทธิภาพได้เพียงพอ โดยได้นำ ea ไปเทรดใน demo account (ตามลิงค์ที่ให้ไว้ในหัวกระทู้บน) แต่ไม่ได้ปล่อยให้ ea ทำงานอัตโนมัติทั้งหมด มีเข้าไป ปิด order แบบ manual ด้วยในบางครั้ง
-
มีภาพการเข้าoderไหมครับ แบบแก้และไม่แก้ ผมสนใจอะ ;D จะได้ช่วยเก็บสถิติ
-
@myinter: ยังไม่ได้เข้า order นะคับแต่มีตัวอย่างการเข้ามาให้ดู (ตามรูปในไฟล์แนบ)
ข้า
จากรูปตัวอย่างถ้าผมจะเล่น EURJPY นะคับ จุดที่วงสีแดงไว้คือจุดที่ผมตัดสินใจจะเข้า short (เน้นเทรดระยะสั้นไม่ถือยาว) เนื่องจากทั้ง RSI และ stoch อยู่ในจุด over bought แล้วผมคิดว่าเดี๋ยวมันกำลังจะเปลี่ยนเป็น cycle ขาลง ส่วนจุดที่วงสีเขียวเอาไว้คือจุดที่ผมจะปิด order นะคับ ถ้าเล่น lots 0.01 น่าจะได้ซักราวๆ $1 ครับ
อันนี้คือตัวอย่างกรณีที่กราฟวิ่งขึ้น/ลงตามที่เราคาดการณ์ไว้คับ
-
อันนี้เป็นตัวอย่างที่ลองเข้า order อีกอันนึงคับ ตัวนี้เปิด long ไว้เพราะใน M1 มันวิ่งเข้าโซน over sold ทั้ง RSI และ Stoch แล้ว.............แต่เอ๊ะ!!! ทำไมมันยังวิ่งลงต่อล่ะ???
สาเหตุเดี๋ยวไปดูกันครับว่าทำไม
-
พอลองเปลี่ยนไปดู Timeframe ทีใหญ่ขึ้นก็มาถึงบางอ้อ!! ที่แท้จุดที่เข้าไปนี่มันไม่น่าเข้านี่นา!!
ใน M5 กราฟที่เราเปิด long ไว้ถึงแม้ Stoch จะวิ่งเข้า over sold แล้วก็จริง แต่ RSI ยังมีพื้นที่ให้สามารถวิ่งลงได้อีก ดังนั้นการเปิด long ตรงนั้นจึงถือว่าไม่เวิร์คอย่างแรงครับ!!!
วิธีการของผมถ้าเอาให้ชัวร์เราควรไล่ดู indy ตั้งแต่ timeframe เล็ก ---> timeframe ใหญ่ โดยให้ดูว่า indy มันแสดงค่าไปในทางเดียวกันมั้ย บางทีใน m1 เราเห็นว่ามันเข้าได้ก็จริง แต่ใน m5 หรือ m15 เราจะพบว่าจุดที่เรากำลังจะเข้านั้นอยู่กลางทางซึ่งกราฟอาจจะขึ้น/ลงต่อไปในทางใดก็ได้
ปกติผมใช้วิธีการไล่ดูเลยว่าใน M1, M5 ทั้ง RSI และ Stoch มันวิ่งตรงกันหรือยัง เข้าโซน over bought หรือ over sold พร้อมกันหรือไม่ แล้วค่อยเปิดตั๋ว.......โอกาสเข้าตั๋วอาจจะไม่เยอะมากเหมือนการดูจาก m1 เพียง timeframe เดียว แต่โอกาสที่จะผิดทางหรือต้องแก้ทางก็จะน้อยลงไปด้วย
ถ้ามีตัวอย่างการเข้าตั๋วเมื่อ m1 กับ m5 เข้าโซน over bought, over sold พร้อมกันแล้วเดี๋ยวผมจะเอามาให้ดูคับ
-
เมื่อเช้าปิดตั๋วไปทั้งหมด 16 ตั๋วของหลายๆคู่เงินปนกัน (เปิดไว้ตั้งแต่เมื่อวาน) รวมแล้วได้มาประมาณเกือบ $60 ผลรวมตอนนี้ทำกำไรได้เกิน 100% แล้วคร้าบบบบ!!! เข้าไปดูได้จาก link ด้านล่างนี้ครับ
https://www.myfxbook.com/portfolio/atap-demo/510603
สิ่งที่อยากได้ตอนนี้คือจุดบกพร่องและสิ่งที่ควรปรับปรุงครับ...........ท่านใดลองเอาวิธีนี้ไปเทรดแล้วมีข้อแนะนำ/วิจารณ์/ติชม ขอเชิญได้เต็มที่นะครับ ผมยินดีอย่างยิ่งคับ
-
ตัวอย่างการแก้ทางที่ผมทำนะคับ โดยผมดู indy จาก m5 เป็นหลัก ที่จริงผมเข้าเร็วไปทั้ง 2 ตั๋วเลยเพราะ indy ยังวิ่งไม่สุด over sold ดี แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ขี้เกียจรอ และใจร้อนเลยเปิดตั๋วตามภาพคับ..............
จากรูปล่าสุดตอนนี้พอทิ้งไว้สักพักกราฟก็วิ่งตามที่คาดการณ์ไว้คับ.......เห็นละโล่งใจ ตั๋วที่แก้ทางก็กำไรทั้ง 2 ตั๋วแล้วนะคับ ถ้าอยากปิดทั้งหมดเพื่อถัวๆเอากำไรก็ได้เลยคับ (ดูใน m1 จะเห็นว่าตอนนี้ indy เข้าเขต over bought ทั้งหมดแล้วคับ) แต่ผมแอบโลภหน่อย จะถือรอจน indy ใน m5 เข้าเขต over bought คับ..........(- -,)
ผลของความโลภจะเป็นอย่างไรบ้างเด๋วจะมา update ให้ดูคับ
-
1. เยี่ยมครับ ผมเข้าใจอย่างนี้พอจะถูกไหมครับ m1 rsi sto over both/sold ทั้งคู่ก็จัดเลย 1ไม้ ถ้ามันไม่ไปในทิศทางที่ตั้งไว้ก็ไปดู m5 ถ้า m5 rsi sto over both/sold ก็จัดอีกไม้เพิ่มlotไป เพื่อแก้ทางใช่ไหมครับ แล้วแต่ละไม้ไล่ล็อตไช่ไหมครับ 0.01 0.02 0.03 0.04 0.05 ไม่ไช่เบิ้ลล้อตไช่ไหมครับ ถ้าเบิ้ลล็อตจะ 0.01 0.02 0.04 0.08 0.16
2. แล้วถ้าผมรอให้ m1 rsi sto over both/sold m5 rsi sto over both/sold ได้ไหมครับ
3. แล้วเราจะตัดขาดทุนยังไงหรอครับ มีภาพให้ดูไหมครับ อันนี้สำคัญครับ พอจะมีวิธีตัดขาดทุนไหมครับ - -*
ปล.เนื่องจากผมชอบระบบแนวนี้อยู่แล้วเลยอยากถามอะครับ
-
1. เยี่ยมครับ ผมเข้าใจอย่างนี้พอจะถูกไหมครับ m1 rsi sto over both/sold ทั้งคู่ก็จัดเลย 1ไม้ ถ้ามันไม่ไปในทิศทางที่ตั้งไว้ก็ไปดู m5 ถ้า m5 rsi sto over both/sold ก็จัดอีกไม้เพิ่มlotไป เพื่อแก้ทางใช่ไหมครับ แล้วแต่ละไม้ไล่ล็อตไช่ไหมครับ 0.01 0.02 0.03 0.04 0.05 ไม่ไช่เบิ้ลล้อตไช่ไหมครับ ถ้าเบิ้ลล็อตจะ 0.01 0.02 0.04 0.08 0.16
<--- ใช่แล้วครับ ปกติผมใช้วิธีการเพิ่มล็อตครับ ไม่นิยมการเบิ้ล.....เพราะทุนผมค่อนข้างน้อย การเบิ้ลล็อตช่วยแก้ทางได้เร็วจริงครับ แต่ก็จะทำให้เราเปิดตั๋วเพื่อแก้ทางในตั๋วต่อๆไปได้น้อยลงคับ ถ้ากรณีที่กราฟวิ่งเป็นเทรนด์แรงๆเนี่ยบางทีเปิดแก้ตั๋วเป็นสิบก็มีนิคับ ถ้าใช้การเบิ้ลล็อตคงมีปัญหากะ money management อ่ะคับ...ดังนั้นผมเลยเลือกการเพิ่มล็อตคับ
2. แล้วถ้าผมรอให้ m1 rsi sto over both/sold m5 rsi sto over both/sold ได้ไหมครับ
<--- ถ้าท่านไม่ชอบการแก้ทางบ่อยๆ ผมก็แนะนำให้รอ M1 กะ M5 มันเข้า Over Bought / Over Sold พร้อมกันนะคับ โอกาสที่กราฟจะวิ่งไปในทางที่เราคาดการณ์ไว้มันจะเยอะกว่าคับ ยิ่ง timeframe เล็ก --> timeframe ใหญ่ วิ่งเข้า over bought/over sold เหมือนกันยิ่งดีคับ (แชร์ประสบการณ์ส่วนตัว....เคยเจอกราฟ m1, m5, m15, h1 วิ่งเข้า over sold พร้อมกัน ตอนนั้นเปิดตั๋ว long ไปด้วย lot 0.01 และปิดโดยยังไม่ได้เข้า over bought มาก็ได้กำไรเยอะมากๆแล้วคับ)
3. แล้วเราจะตัดขาดทุนยังไงหรอครับ มีภาพให้ดูไหมครับ อันนี้สำคัญครับ พอจะมีวิธีตัดขาดทุนไหมครับ - -*
<--- ตัดขาดทุนผมมองจาก over bought/ over sold ใน m5 นะคับ สมมติว่า long ไว้แต่กราฟใน m5 มันวิ่งเข้า over bought ไปแล้วและตั๋วเราไม่ทำกำไร ส่วนตัวแล้วผมจะตัดขาดทุนไปเท่าไหร่ก็เท่านั้นคับ
สาเหตุที่ผมตัดขาดทุนใน m5 เพราะกว่ามันจะวิ่งจบอีก cycle นึงใช้เวลาหลายชั่วโมงคับซึ่งช่วงนั้นเราอาจถูก draw down จนปิดพอร์ตได้ถ้า money management ไม่ดีพอคับ
จะพยายามอัพเดทการเทรดเรื่อยๆนะคับ ลองตามดูจากกระทู้นี้ได้คับผม...............
ถ้าท่านเอาระบบของผมไปลองแล้วเจอข้อบกพร่อง/แนะนำก็ช่วยส่ง feedback กลับมาให้ด้วยนะคับ จะได้เอามาปรับปรุงให้มันดีขึ้นครับ :)
-
ครับ ยังไงผมขอติดตามต่อครับ
-
update สถานะล่าสุดนะคับ จากเมื่อวานที่เปิดตั๋วไว้ 3 ตั๋ว ตอนที่ indy ใน m1 ส่งสัญญาณว่าสามารถปิดทำกำไรได้.....แต่ผมถือรอต่อเพื่อเก็งกำไรมากกว่าเดิม โดยรอให้ indy ใน m5 ส่งสัญญาณเดียวกันแทน (อาการโลภเข้าสิง)
วันนี้ยังคงรอสัญญาณต่อไปครับ RSI ยังไม่เข้าโซน over bought เมื่อวานนี้ถ้าปิดตั๋วไปจะได้กำไรประมาณ $10 กว่าเหรียญ โดยขณะที่รออยู่มีบางช่วงสามารถทำกำไรได้ประมาณ $30กว่าเหรียญก็ยังคงไม่ปิดเพราะเชื่อมั่นว่ากราฟยังวิ่งขึ้นต่อได้....
แต่สถารณการณ์ปัจจุบันค่อนข้างแย่ครับเพราะหลังจากรอ กราฟเจ้ากรรมดันวิ่งลงจนต้องเปิดตั๋วแก้เพิ่มอีกหลายตั๋วเหมือนกัน สาเหตุที่กราฟวิ่งลงเมื่อวานนี้เพราะโดนพวก fundamental ทั้งหลายคับ เช่น เมื่อวานมีข่าวการประกาศตัวเลขสำคัญจากทาง EU เข้าไปสองชุดใหญ่ๆ ทำให้กราฟถูกดึกลงมาเป็นระรอกเพราะตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ปัจจุบันผมมีตั๋วค้างประมาณ 5 ตั๋วติดลบไปประมาณ $50 เหรียญได้ โดยที่ indy ใน m5 ใกล้จะเข้า overbought เต็มทีแล้ว....หากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปคาดว่าผมจะต้องตัดขาดทุนทุกตั๋วโดยเสียประมาณ $30 - $40 ต้นๆคับ
สิ่งที่เห็นได้ตอนนี้คือการเทรดโดยยึด technical อย่างเดียวนั้นอันตรายครับ เนื่องจากพวก fundamental ส่งผลกระทบอย่างมากเวลามีประกาศสำคัญๆ กราฟวิ่งเปลี่ยนทางได้ทันทีที่เจอ fundamental
ปล. update ล่าสุดขณะกำลังเขียณโพสต์ indy เข้าเขต over bought เรียบร้อยครับ มีตั๋วค้าง 5 ตั๋ว รวม Lots = 0.15 ราคารวมประมาณ $33 เหรียญที่ผมจะต้อง cut loss.........ความโลภไม่เข้าใครออกใครจริงๆ T_T
ปล2. ขณะรอให้ indy วิ่งออกมาจาก over bought เพื่อปิดตั๋ว buy ที่เปิดค้างไว้ ปรากฏว่ากราฟดีดตัวขึ้นไป ทำให้ผมสามารถปิดตั๋วแก้ทางไปได้ 2 ตั๋ว กำไรประมาณ $1 ส่วนอีก 3 ตั๋วที่เหลือก็ตัดขาดทุนไปเหลือเพียง $12 เหรียญเท่านั้น...............โชคดีในโชคร้ายจริงๆคับ เหอะๆๆๆๆ
-
ผมสงสัยว่าท่านดองไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ทำไมมันพึ่งจะมา ob เอาตอนนี้ ทั้งที่เล่นกราฟ m5 ผ่านมานานมากเลย
-
@D_Diamond: ว้าวๆๆๆ ดีใจมากที่ท่าน D_Diamond (อาจารย์คนแรกทีชี้ทางสว่างในการเขียน ea ให้ผม....ส่วนคนที่สองเป็นท่าน admin ^^) ให้ความสนใจกระทู้นี้ครับ ขอตอบตามนี้ละกันคับ
ปกติผมนับ cycle มันแบบนี้คับ
:over sold-->over bought ผมเรียกว่า cycle ขาขึ้น พูดง่ายๆก็คือ ปกติกราฟควรจะวิ่งขึ้นครับ
:over bought-->over sold ผมเรียกว่า cycle ขาลง พูดง่ายๆก็คือ ปกติกราฟควรจะวิ่งลงคับ
ซึ่งในแต่ละ cycle มันก็ไม่ได้วิ่งแบบ over sold-->over bought รวดเดียวจบ มันจะมี over sold-->over sold-->over sold-->over bought ลักษณะแบบนี้ด้วยคับ ขึ้นอยู่กับว่า cycle นั้นมันวิ่งแรงแค่ไหน (cycle ขาลงแรงๆ บางทีก็จะเจอ over sold ไป 5 รอบได้กว่าจะยอมวิ่งเข้า over bought อีกที - กรณีนี้ผมต้องเปิดตั๋วแก้ตามรายทางเป็นสิบกว่าจะปิดตั๋วได้)
จากรูปจะเห็นได้ว่ากราฟวิ่งเป็น cycle ขาลงนานมากๆ คับเจอกราฟวิ่งเข้า over sold รวม 3 รอบได้ นั่นคือสาเหตุที่ผมพึ่งได้ปิดตั๋ว.....เพราะอย่างที่บอก สมมติเปิด long จาก m1 ไว้ ถ้าปิดได้ใน m1 เองก็โอเค แต่ถ้าต้องแก้ทางก็เปิดตั๋วแก้แล้วเข้ามาดู indy ใน m5 เพื่อรอสัญญาณจาก indy โดยจะปิดก็ต่อเมื่อ indy ใน m5 เข้าเขต over bought คับ
-
เส้น ma เท่าไหร่หรอครับ
-
อ่อ เป็นเส้น EMA 200 คับ แต่ไม่ค่อยได้ใส่ใจกับมันเท่าไหร่คับ ปกติแค่เอาไว้ดูว่ากราฟว่าถ้าอยู่บน ema ก็เป็นขาขึ้นถ้าอยู่ล่างก็เป็นขาลงแค่นั้นเองคับ
-
จริงด้วยครับไม่เตยสังเกตเลย ขาลงหาโอบีไม่เจอจริงๆ
แต่นั่นเท่ากับว่า ถ้าวันนี้ลงเหมือนเมื่อวานอีก ก้ไม่ได้คัตลอสไปอีกวัน ถ้าเจอ 2 วัน 300 pip ก้คงมีลุ้นนะครับ
น่าจะเพิ่มวิธีคัตลอสในกรณีนี้
-
ส่วน myfxbook นี่ดูไม่ได้นะครับ ต้องไป setting ตั้ง public ก่อน
แล้วลองเปิดลิงค์ชื่อตัวเองดู แบบนี้ www.myfxbook.com/members/D_Diamond
แล้วก๊อปลิงค์ข้างในนั้นมาโพสครับ
-
แบบนี้มองเห็นรึยังคับท่าน D_Diamond
http://www.myfxbook.com/members/dataxdata/atap-demo/510603
ส่วนเรื่อง cut loss นี่ผมนึกวิธีอื่นไม่ออกเลยคับ(มีคำแนะนำไหมครับ...แหะๆๆ) ตอนนี้เลยเอาเรื่อง money management มาช่วยแก้ขัดไปพลางๆก่อน โดยเอา max drawndown ที่ได้จาก backtest มาคูณด้วย 3 ก็ประมาณเกือบ $1,000 คับ แล้วก็เอา $1,000 มารันใน demo ดูว่าวิ่งได้มากน้อยแค่ไหนคับ ผลที่ได้ก็ตามที่โพสต์ใน myfxbook คับผม
-
เห็นแล้วครับ ผลงานสวยจริงๆ อิอิ
ใช้สูตรเหมือนผมเลย dd * 3
-
dd * 3 นี้คืออะไรหรอครับ - -*
-
ดรอดาว คูณสาม เท่ากับเงินทุนที่ใช้ไงครับ
-
ศุกร์ที่ผ่านมาไม่ได้เข้ามาดูกราฟเลยเนื่องจากไปทำธุระสำคัญมา.....เปิดกราฟมาดูเช้าวันเสาร์พลาดโอกาสทำกำไร / cut loss ไปหลายตั๋วเหมือนกัน!!
สาเหตุแบบนี้นี่เองที่อยากจะเขียน ea ให้มันทำงานแทน 7/24 จะได้ไม่ต้องมานั่งตกรถแบบนี้บ่อยๆ เหอะๆๆๆ
-
เปิดมาเช้าวันจันทร์กราฟรูดลงอย่างเห็นได้ชัด...หลังจากที่เปิดตั๋วค้างไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วหลายคู่เงิน วันนี้ปิดตั๋วบางส่วนได้กำไรช่วงเช้ามา $240 กว่าๆ มีตั๋วค้างอีกนิดหน่อย!!
-
ข่าวดีของคนเปิด buy ไว้ช่วงก่อนหน้านี้คับเห็นจุดปิดทำกำไรกันรึยังคับ?.......ผมปิดไปแล้ว 2 ตั๋วได้มา $10 พร้อมกับเข้า sell เรียบร้อย!!
ว่าแต่.....มีใครตกรถเที่ยวนี้มั้ยคร้าบบบ ^^
-
หลังจากตัดตั๋วไป กราฟยังคงขึ้นไม่หยุดตาม indy ที่แสดงใน M5.....ใครพลาดรถรอบที่แล้วใน m1 ไม่ต้องเสียใจไปครับ จุดเข้าใน M5 มาแล้ว
ส่วนท่านที่ขึ้นรถใน m1 ไปแล้วอย่าลืมแก้ทางตาม indy ใน m5 ไว้ด้วยนะคับ
ขอให้เฮงๆ กันทุกท่านคับ